SEO Onpage กับ Offpage ต่างกันอย่างไร?

SEO Onpage กับ Offpage ต่างกันอย่างไร?

สวัสดีค่ะวันนี้ทีมงาน 8Content.com มีข้อมูลดีๆมาฝาก ในส่วนของการทำ Seo แบบ Onpage และ Offpage ว่าด้วย 2 วิธีนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันค่ะ  ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนเลยว่า Seo หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Search engine optimization แปลความหมายตรงๆคือ (เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการค้นหาข้อมูล) และที่สำคัญเลยนั่นก็คือเป็นการจัดทำแบบไม่ต้องเสียเงินให้กับ Google เลยแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การทำแบบออแกนิค” ซึ่งจะแตกต่างจาก Google Adwords ที่คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายตามจริงให้กับ Google ที่เรียกกันว่า “ค่าคลิ๊ก” (ClickCross) ส่วนข้อมูล Google Adwords ไว้มีโอกาสจะมาแชร์ข้อมูลให้ทราบกันในครั้งต่อไปค่ะ

         Seo เป็นการแสดงผลเชิงโฆษณาบน Google โดยเหมาะมากกับการใช้เว็บไซต์ในการโฆษณา ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่เดี๋ยวก่อน!! มันไม่ง่ายเหมือนที่เราคิดไว้นะ เพราะขั้นตอนการทำ มีหลายร้อยพันวิธีเต็มไปหมด ที่จะช่วยทำส่งผลให้กับเว็บไซต์ของคุณมีอันดับที่ดีขึ้น หรือพบเจอคุณบนหน้าแรก และคุณยังต้องใจเย็นให้มาก เนื่องจากการทำ Seo ก็ต้องใช้ระยะเวลาเช่นกัน ทั่วไปเฉลี่ยตั้งแต่ 4-8 เดือน และยังต้องปรับเปลี่ยนกลวิธีการทำอยู่สม่ำเสมอ เนื่องจากการแปรผันของ Google โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ทำด้วยตนเองก็จะบ่นว่าทำยาก ทำแล้วไม่ติด จึงทำให้เกิดผู้ที่ให้บริการเป็นจำนวนมากใน ณ ปัจจุบัน ผู้ให้บริการก็จะมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น สายขาว,สายเทา,สายดำ เป็นต้น

       Seo แบบ Onpage ในที่นี้ หมายถึง การปรับแต่งรูปแบบของตัวเว็บไซต์ภายใน หรือบนหน้าเว็บไซต์โดยตรง ก็มีจะมี 3ส่วนสำคัญ ได้แก่

1.“Title” หรือที่เรียกว่า หัวเรื่อง เป็นข้อมูลลำดับแรกๆที่ทาง Google จะเข้ามาเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์เรา ซึ่งควรใส่Tag H1,H2… เรียงลำดับตามความสำคัญของหัวข้อใหญ่ และหัวข้อย่อย ถ้าเป็นไปได้ควรแทรกคีย์เวิร์ดลงในหัวเรื่องด้วยจะช่วยทำคะแนนSEOให้อีกพอสมควรเลยค่ะ

  1. Description หรือ เนื้อหาภายในเว็บไซต์  เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยดันอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งเนื้อหาที่ดีนั้นควรจะมีเนื้อหาที่สดใหม่ ไม่คัดลอกบทความจากที่อื่นมา และแทรกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกระจายภายลงในบทความอย่างเป็นธรรมชาติ

3 ดึงดูดความสนใจของเนื้อหาด้วย Mediaต่างๆเช่น รูปภาพ หรือคลิป VDO ช่วยทำให้ผู้เข้าชมอยู่ภายในเว็บไซต์เรานานขึ้น ทำความเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์เราอีกครั้ง

Tip การตั้งชื่อรูปภาพด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และการใส่ Tag “Alt” ในรูปภาพ จะเป็นการเพิ่มคะแนนSEOให้กับเว็บไซต์ของเราอีกช่องทางค่ะ

       Seo ในรูปแบบ Offpage หมายถึง การทำโดยภายนอกของตัวเว็บไซต์ เช่น การทำ Backlink ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับ Link เกือบทั้งหมด เช่น การเอาข้อมูลของเราไปฝากบนเว็บไซต์ หรือ บล็อกต่างๆ เพื่อให้มีผู้เข้าชมกลับมายังเว็บไซต์ของเรา หรือเข้าใจได้เลยว่า เรากำลังได้นำเว็บไซต์ของตัวเราเองนั้น ไปโปรโมทบนเว็บไซต์อื่นอีกที แต่ถ้าจะให้ดีควรนำลิ้งไปฝาก บนเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชมค่อนข้างมาก จะส่งผลดีต่อการทำ ซึ่ง Technic ส่วนใหญ่แล้ว จะใช้เป็นการยิง Link ไปยังภายนอก หรือ ยิงกลับเข้ามาหาเว็บไซต์ของเรา ค่ะ สิ่งที่ควรระวังให้มากๆก็คือ Spam  คือเรายิงลิ้งแบบจำนวนมากๆเกินไป จากภายนอกเข้ามายังเวบไซต์ของเรา โดยไม่คำนึงเลยว่าสิ่งที่ได้กลับมานั้น ดีหรือไม่ดีอย่างไร เพราะคุณอย่าลืมว่า Google เองก็จะมีการตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเช่นกัน หรืออย่างที่เรียกกันว่า SandBox หรือ “หลุมทราย”  อธิบายเข้าใจง่ายๆว่า เป็นตัวคัดกรองเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่ง SandBox เป็นเครื่องมือที่ใช้ช่วยในการตรวจสอบของ Google อีกที ที่เราพูดถึงการเกิดใหม่ของเว็บไซต์นั้นคือ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าโดเมน(Domain) คุณอยู่มาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ไม่มีการอัฟเดทเว็บไซต์เลย คุณก็อาจจะตกหลุมทรายก็เป็นได้(ไม่มีเว็บไซต์หรือข้อมูลคุณแสดงผลบนหน้า Google)  หรือ มีการยิงลิ้งกระหน่ำมากจนเกินไปก็ก่อให้เกิดการผิดกฎได้เช่นกัน เพราะถ้าเว็บไซต์ของคุณไม่ผ่านการตรวจสอบคงมีเครียดกันยาวๆแน่นอนค่ะ กว่าจะขึ้นโชว์แสดงผลบน Google คงต้องใช้เวลาและปัจจัยอื่นๆพอสมควร แต่ถ้า Google ได้พิจรณาแล้วว่าผ่าน โอ้ววพระเจ้า!! (คิดในใจ) ก็มีโอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะได้ขยับไปอันดับที่ดีขึ้นของ Google เองก็เป็นได้ค่ะ

วันนี้ก็คงได้ข้อมูลกันไปไม่มากก็น้อยสำหรับบทความนี้ และขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันนะคะ สัญญาว่าจะอัพเดทข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาแชร์ให้ทราบกันในครั้งต่อไป

Tags:
,
Barnaby R.
[email protected]
No Comments

Sorry, the comment form is closed at this time.